วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สวนพันธุ์ไม้เมืองหนาว และพระตกหนักสมเด็จย่าที่พระตำหนักดอยตุง

พระตำหนักดอยตุงเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาดอยตุง ตั้งอยู่บนสันเขาของเทือกดอยนางนอน ระดับความสูงประมาณ 1,200 ม. จากระดับน้ำทะเล มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อน คล้ายทิวทัศน์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีไม้ดอกไม้ประดับที่ผลิดอกสวยงามตลอดทั้งปี เป็นจุดศูนย์กลางของเส้นทางท่องเที่ยวดอยตุง

ประวัติ พระตำหนักดอยตุงเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2530 เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี มีพระชนมายุ 88 พรรษา โดยก่อนหน้านั้นมีพระราชกระแสว่า หลังพระชนมายุ 90 พรรษาจะไม่เสด็จไปประทับที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ จึงได้เลือกดอยตุง ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามขณะเดียวกันสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี เมื่อทรงทอดพระเนตรพื้นที่เมื่อต้นปี พ.ศ.2530 ก็ทรงพอพระราชหฤทัย และมีพระราชดำริจะสร้าง “บ้านที่ดอยตุง” พร้อมกันนี้ยังมีพระราชกระแสรับสั่งว่าจะ “ปลูกป่าบนดอยตุง” จึงกำเนิดเป็นโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น

โครงการพัฒนาดอยตุงเริ่มดำเนินการโดยความร่วมมือจากหน่วยราชการทุกส่วน เช่น กรมป่าไม้ กรมชลประทาน หน่วยงานด้านปกครอง นอกจากทำการปลูกป่าฟื้นฟูสภาพพื้นที่แล้ว ยังมีการฝึกอาชีพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเขาบนดอยตุง ซึ่งประกอบด้วยชาวเขาเผ่าอาข่า ลาหู่ ไทยใหญ่ และจีนฮ่อ ขณะเดียวกันยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของตนไว้

- โทร.0-5376-7001,0-5376-7015-7 และ www.doitung.org
- เปิดเวลา 07-30-17.30 น.
- ไม่ควรใส่กางเกงขาสั้น หรือกระโปรงสั้นเกินรวม
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมพระตำหนัก 70 บาท ชมสวนแม่ฟ้าหลวง 80 บาท หอพระราชประวัติ 30 บาท บัตรรวมเข้าชมทั้งสามที่ 150 บาท
- มีที่พัก ติดต่อที่สำนักงานโครงการพัฒนาดอยตุง จ.เชียงราย เวลาราชการ โทร.0-5376-7015-7 ต่อ 230 และ 231
- มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก
- แผงลอยจำหน่ายของพื้นเมืองของชาวเขาเผ่าอาข่า

การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางขึ้นดอยตุงสายใหม่ ผ่านบ้านไทยใหญ่ร่มไทร กม.2 ผ่านจุดชมวิว กม.12 จากนั้นเลี้ยวซ้ายระหว่างหลัก กม.12 และ13 ไปอีก 2 กม. จะถึงพระตำหนัก ระยะทาง 15 กม. หรือใช้ทางขึ้นสายเก่า โดยขับเลยแยกบ้านสันกองไปอีกราว 1 กม. เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1149 ที่บ้านห้วยไคร้ ระหว่างหลัก กม. 871-872 เป็นทางขึ้นดอยตุงสายเก่า เส้นทางสูงชันกว่าสายใหม่ แต่ระยะทางสั้นกว่าเล็กน้อย ถนนจะไปบรรจบกับทางขึ้นสายใหม่ใกล้ กม.6

สิ่งน่าสนใจ
อาคารพระตำหนักดอยตุง
- ห้ามถ่ายภาพภายในพระตำหนัก
ทำพิธีลงเสาเอกเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2530 พระตำหนักแห่งนี้ถือเป็นบ้านหลังแรกของสมเจย่า สร้างขึ้นโดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยเน้นที่ความเรียบง่ายและการใช้ประโยชน์ ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จย่า พระตำหนักยังได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้า เที่ยวชม

สถาปัตยกรรมของพระตำหนักเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบล้านนากับบ้าน พื้นเมืองของสวิส สร้างบนไหล่เนินมองเห็นทิวทัศน์ไดไกลสุดสายตา พระตำหนักมีสองชั้นและชั้นลอยชั้นบนแยกเป็นสี่ส่วน แต่เชื่อมต่อกันเป็นอาคารหลังเดียว ที่โดดเด่น สะดุดตา คือ กาแล และไม้แกะสลักเป็นเชิงชายลายเมฆไหลที่อ่อนช้อยโดยรอบ ภายในตำหนักล้วนใช้ไม้สนและไม้ลังที่ใส่สินค้า เป็นเนื้อไม้สีอ่อนที่สวยงาม จุดน่าสนใจอีกจุดคือเพดานดาวต่างๆ ล้อมรอบระบบสุริยะ ชมได้อย่างไม่รู้เบื่อ ส่วนบริเวณผนังเชิงบันไดและสลักเป็นพยัญชนะไทยพร้อมภาพประกอบ ๐ส่วนแม่ฟ้าหลวง เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาวในหุบเขา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2535 เดิมมีพื้นที่ 12 ไร่ มีการปลูกดอกไม้หมุนเวียนสลับให้ออกดอกไม่ซ้ำกันตลอดสามฤดู ล้อมรอบประติมากรรมชื่อ “ความต่อเนื่อง” เป็นรูปเด็กยืนต่อตัวที่กลางสวน นอกจากนี้ยังจัดแต่งสวนหินซึ่งประดับด้วยหินภูเขากลมเกลี้ยงขนาดใหญ่ สวนน้ำอุดมด้วยไม้น้ำพันธุ์ต่างๆ บัว และสวนปาล์ม ที่รวบรวมปาล์มไว้มากมายในพื้นที่ 13 ไร่ สวนแม่ฟ้าหลวงจึงมีพื้นที่ทั้งสิ้น 25 ไร่

หอพระราชประวัติ เปิดเมื่อปี พ.ศ.2546 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า ภายในแบ่งเป็นห้องต่างๆ แปดห้อง

ห้องแรก แผ่นดินไทยฟ้ามืด กล่าวถึงการเสด็จสวรรคตของสมเด็จย่าเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2538 และพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2539

ห้องที่ 2 ฉันจะเดินทางด้วยเรือลำนี้แสดงถึงปรัชญาในการดำเนินพระชนม์ชีพ ที่ประกอบด้วยหลักเหตุผลและการสร้างสรรค์ทางศิลปะ

ห้องที่ 3 ภูมิธรรม ประมวลความสนพระทัยในหลักธรรมคำสั่งสอน

ห้องที่ 4 หนึ่งศตวรรษ เป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จย่าและเฉลิมฉลองในวาระ 100 ปีแห่งการพระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ.2443 ทั้งนี้ทรงพระปรีชาชาญในการอภิบาลพระธิดาและพระโอรสที่ต่อมาได้เถลิงถวัล ยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ทั้งสองพระองค์รวมทั้งทรงนำความรู้ใหม่ๆ มาใช้ในงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขของพสกนิกร จนองค์การยูเนสโกได้ประกาศพระนามในปฏิทินบุคคลสำคัญของโลก

ห้องที่ 5 เวลาเป็นของมีค่า กล่าวถึงงานฝีมือต่างๆ ของพระองค์ที่ใช้พระราชทานแก่บุคคลต่างๆ

ห้องที่ 6 พระมารดาแห่งการแพทย์ชนบทและการสาธารณสุขไทย

ห้องที่ 7 พระผู้อภิบาล บรรยายถึงความเป็นพระผู้อภิบาลพระประมุขของชาติ พระผู้อภิบาลมนุษยชาติ และพระผู้อภิบาลธรรมชาติ และ

ห้องที่ 8 ดอยตุงกับการพัฒนาที่ยั่งยืน กล่าวถึงโครงการพัฒนาดอยตุงที่เป็นโครงการพัฒนาระยะยาว เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและคุณภาพชีวิตของประชาชน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น